แว่นสายตาทรงสปอร์ต ใส่แล้วมึน? pain point คนใส่แว่นตาเล่นกีฬากลางแจ้ง วิ่ง ปั่น กอล์ฟ จำเป็นต้องใช้แว่นสปอร์ตที่มีความโค้งเพื่อกันแสงแดด ฝุ่น ลม และเศษวัตถุที่อาจลอยมาเข้าตา เมื่อต้องตัดเลนส์สายตาใส่กรอบโค้ง หากไม่ใช่เลนส์สำหรับกรอบโค้ง เมื่อตัดออกมา เหมือนเอาแว่นคนอื่นมาใส่ จึงทำให้เรา มึนหัว คลื่นไส้ นั่นเอง

อะไรคือปัญหาของเลนส์สายตาที่โค้ง ที่ใส่แล้วทำให้มึน 

ความโค้งของกรอบแว่นสปอร์ต ซึ่งโดยมากจะมีความโค้ง มากกว่า 5 องศาขึ้นไป โดยมากแว่นทรงสปอร์ตจะมีค่า FFA (Face Form Angle) มากกว่า 20 องศาขึ้นไปแล้วแต่ทรงแว่น

ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันแสงจากด้านข้างในขณะเล่นกีฬา ทำให้เลนส์สายตาสำหรับกรอบโค้งมีความต่างจาก เลนส์สายตาทั่วไป เพราะโครงสร้างของกรอบโค้งจะมีระยะห่างของตาดำกับเลนส์ที่ไม่เหมือนแว่นทรงปกติ จึงต้องปรับค่าสายตาบนเลนส์ให้เหมาะสม ซึ่งต้องใช้ software เท่านั้นในการคำนวณการชดเชยค่าสายตา

หลายคนเคยเอาแว่นสปอร์ตที่ตัวเองใช้อยู่ไปให้ร้านแว่น เปลี่ยนเป็นเลนส์สายตาทรงสปอร์ต และผิดหวังกับแว่นที่ออกมาเพราะใส่แล้วมึนหัว พื้นลอย คลื่นไส้

เรามาดูกันว่าอะไรทำให้มึน ?

คนมักจะเข้าใจว่าแว่นสายตาทรงสปอร์ตก็เหมือนแว่นสายตาปกติ แค่เอากรอบแว่นสปอร์ตไปให้ร้านแว่นตัดเลนส์ให้ แล้วย้อมสีกันแดด ก็จบ โดยมากจะเป็นกรอบแว่น Oakley สายตาที่คนไม่ค่อยรู้ว่ามันมีความโค้ง ไม่เหมือนของชาวบ้าน คิดว่าเป็นกรอบแว่นสายตาเหมือนยี่ห้ออื่น พอตัดเลนส์ใส่ปั๊ป รู้เรื่องเลย

แต่มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นซิครับ ลองดู chat ด้านล่างนี้ครับ

แล้วอะไรทำให้คนใส่แว่นสายตาทรงสปอร์ต มึนหัว คลื่นไส้

การใช้เลนส์สต๊อก หรือเลนส์สายตาสำเร็จรูป ไม่สามารถใช้ได้กับกรอบแว่นที่โค้ง ใส่ลงกรอบโค้ง เพราะตัวเลนส์สำเร็จรูปเมื่อใส่กรอบที่มีความโค้ง แสงจะเกิดการหักเห ไม่ไปตกที่จอรับภาพ เหมือนเราใส่แว่นสายตาของคนอื่น จึงทำให้เกิดอาการต่างๆ เช่น คลื่นไส้ มึนหัว เป็นต้น

รูปด้านล่างคือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า คนคนเดียวกันใส่แว่น Oakley Crosslink 2 รุ่น ค่าพารามิเตอร์ที่ออกมาแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ไม่สามารถใช้เลนส์ชนิดเดียวกันได้

แล้วเลนส์สต๊อก หรือเลนส์สำเร็จรูป คือ เลนส์อะไร? ง่ายๆ ในฐานะของผู้บริโภค ถ้าเค้าบอกว่านั่งรอ หรือไปเดินเล่นสักพักใหญ่ แล้วมารับได้เลย นั่นคือที่ร้านใช้เลนส์สต๊อก อันนี้เป็นข้อสังเกตุเบื้องต้น 

แล้วจะทำยังไงเมื่อต้องตัดแว่นสายตาทรงสปอร์ตที่มีความโค้ง

นอกจากเลนส์สายตาที่ต้องใช้เลนส์ Free form แล้ว อีกปัญหาหนึงคือขนาดของกรอบแว่นสปอร์ตที่จะเปลี่ยนเป็นเลนส์สายตา

การเลือกกรอบแว่นสปอร์ตก็เป็นเรื่องที่เราต้องรู้ถึงความสันพันธ์ ระหว่างขนาดกรอบ และ ความหนาของเลนส์ กับค่าสายตาของเราเอง 

ถ้าแว่นสายตาที่เราใช้อยู่ประจำหนาขนาดไหน แว่นสายตาทรงสปอร์ต จะมีความหนามากขึ้นไปอีก เพราะกรอบจะกว้างกว่า และ สูงกว่า แว่นสายตาปกติ

ทั้งขนาดของเลนส์ ความกว้าง ความสูง ค่าสายตา ค่าPD สิ่งเหล่านี้มีผลต่อ ความหนาของเลนส์ ถ้าแว่นปกติที่เราใส่อยูแล้วเลนส์ยังหนา ถ้าใช้กรอบใหญ่ขึ้นแบบแว่นสปอร์ต เลนส์ก็จะหนาเพิ่มขึ้น

และชนิดของเลนส์ เลนส์สายตาสั้นคือเว้ากลาง ขอบหนา และ เลนส์สายตายาว คือนูนกลาง ขอบบาง ตามรูปด้านล่าง ถ้ามีเอียงเลนส์จะเป็นทรงกระบอก

ดังนั้นการเลือกกรอบแว่นสปอร์ต เพื่อเปลี่ยนเป็นเลนส์สายตา จำเป็นอย่างมากที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้ก่อนจะตัดเลนส์สายตา หรือซื้อแว่นสปอร์ตมาทำเลนส์สายตา และควรสอบถามราคาเลนส์ก่อนที่จะทำ เพราะค่าเลนส์โค้ง จะสูงกว่าเลนส์ธรรมดา และมีไม่กี่ยี่ห้อที่ทำเลนส์สายตาโค้ง ออกมาแล้วใช้ได้จริง

Progear ที่เป็นแว่นทรงสปอร์ต Rx-able sport sunglasses

มี 3 รุ่นเท่านั้น คือ sprinter, racer และ dash2 และทุกรุ่นจะมีอะไหล่ เพื่อเปลี่ยนเวลาชิ้นส่วนเสียหาย เช่นขาแว่น ยางรองจมูก 

Progear Sprinter มีขนาดแว่น 2 ขนาด size ปกติ 57มม. และ size เล็ก 50 มม. เป็นรุ่นหนึ่งที่แนะนำสำหรับคนที่มีค่าสายตาสูง เพราะถึงกรอบจะดูใหญ่อลังการ แต่ส่วนที่ทำเลนส์สายตาเล็กกว่ากรอบพอสมควร ตัดเลนส์สายตาออกมาจะดูไม่หนามาก เมื่อเทียบกับรุ่นอื่น

1.สามารถตัดเลนส์สายตากันแดดทรงสปอร์ต ใส่ลงในกรอบแว่นได้เลย มีสีกรอบให้เลือกตามความชอบของแต่ละบุคคล

รองรับค่าสายตาได้ถึง SPH +/-8.00, ค่าเอียง CYL +/-4.00 

2.สามารถเลือกสีเลนส์แว่นสายตา ด้านใน (tinted color) ที่เหมาะกับกิจกรรม ได้ 3 สี คือ

-Gray สีเทาให้สีที่เหมือนธรรมชาติมากที่สุด เราจะเห็นสีเดียวกับตอนไม่ใส่แว่น

-Brown สีน้ำตาลให้สีที่เป็นธรรมชาติน้อยกว่าสีเทา แต่เพิ่มความเข้มของสีวัตถุ ทำให้เกิด contrast มากกว่าสีเทา

-G15 เป็นสีที่เน้น contrast ในสนามกอล์ฟที่มีสีเขียวของพื้นหญ้า

และระบุค่า VLT (visible light transmission) ได้ตามความต้องการ เช่น VLT 70% คือแสงผ่านได้ 70% คือ สว่างมาก 30% คือแสงผ่านได้น้อย เป็นต้น

3.สามารถเลือกสีเลนส์ด้านนอก (coating color) ที่เคลือบเลนส์ด้านนอกอีกชั้นหนึงเพื่อลดแสงจ้าจากแสงแดด และแสงสะท้อนจากพื้นผิวต่างๆ

มีให้เลือกถึง 5 สี คือ Gold, Green, Blue, Red และ Silver mirror ตามความชอบของแต่ละบุคคล

4.ใช้ “free form technology” ที่ทำให้ภาพที่เห็นสามารถส่งผ่านไปถึงที่จอตา (retina)  ในส่วนที่มีความโค้งของเลนส์ จึงทำให้การมองเห็นภาพชัดเจน ไม่เหมือนเลนส์แว่นสายตาทั่วไป

7. Curve Bar ที่มากับแว่น โดยใส่ครอบกรอบแว่นด้านบน เพื่อเพิ่มความโค้งจาก ระดับ 7 ไปเป็นระดับ 8 เพื่อบีบกรอบแว่นให้กระชับหน้ามากขึ้น หรือสำหรับคนที่มีหน้าแคบ

8. Vent designed ช่องระบายอากาศ ระหว่างด้านนอก กับ ด้านใน เพื่อถ่ายเทความร้อน ในขณะใส่เล่นกีฬากลางแจ้ง เพื่อลดการเกิดฝ้า

Progear Dash2  เหมาะกับการวิ่งเทรล เนื่องจากสายรัดจะช่วยจับแว่นให้อยู่บนศีรษะได้ตลอดเวลา ไม่ต้องคอยขยับแว่น หน้าแว่นสามารถปรับองศาได้ และยังออกแบบมาให้ตัดเลนส์สายตาใส่ได้ทั้งทางตรงคือใส่กรอบ และทางอ้อมคือใส่ insert Rx Clip

A. ใส่คลิปสายตาด้านหลังได้ Insert Rx Clip และ

B.ตัดเลนส์สายตาใส่กรอบได้โดยตรง

Dash2 หน้าแว่นปรับองศาได้ ขาแว่น แท่นรองดัดได้ มีสายรัดให้

Progear Racer เป็นอีกรุ่นที่โค้งมากๆ สำหรับคนที่ต้องการปิดแสงด้านข้าง หน้าแว่นปรับองศาได้

ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับ Sprinter คือ มุมเทหน้าแว่น
ความโค้ง base curve 8 มากกว่า Dash2 

แว่นสายตาทรงสปอร์ต สำหรับเล่นกีฬาแต่ละประเภท ไม่ว่าจะตัดเป็นเลนส์ชั้นเดียว หรือ เลนส์ Progressive จำเป็นต้องใช้เทคโนโลยี่การตัดเลนส์ด้วย ระบบ Free Form เท่านั้น เพื่อ Optimized Lenses ให้สามารถมองเห็นได้มากที่สุด และลดพื้นที่เบลอให้น้อยที่สุด