กรอบแว่นไททาเนี่ยม Free form green ดียังไง เป็นเรื่องราวที่ผู้ใช้บอกต่อๆกันมา เกี่ยวกับความทนทานที่ใช้มานานเป็น 10 ปี เผลอหลับคาแว่น ขาไม่หัก ดัดได้ ทนเหงื่อไม่ขึ้นสนิม น้ำหนักเบา ออกแบบโดย ดีไซเนอร์ ชาวเยอรมัน

Free form green by Thomas Trauth เป็นกรอบแว่นที่เป็น green concept ลดการสร้าง carbon dioxide ที่ทำให้โลกร้อน และ ทำให้สมดุลของโลกนั่นเปลี่ยนแปลง ถ้าใครเคยดูสารคดี เรื่องโลกร้อน จะทราบว่า มันมีผลกับทุกชีวิตบนโลก


ด้วยตัว เบต้า ไททาเนียม ที่พัฒนามาจากปัญหาของกรอบ pure titanium ที่แข็งดัดยาก เปราะหักได้

เรื่องราวจากผู้ใช้ ที่เผลอหลับทับแว่น

คนที่เคยใช้กรอบไททาเนี่ยมราคาหลักหมื่นอย่าง กรอบ IC Berlin, Silhouette และ Lindberg มาก่อน จะบอกได้ว่ากรอบ Free form green นั้นคุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายออกไป


การใช้วัสดุ เบต้าไททาเนี่ยม silicone สลักที่เป็นบานพับของขาแว่น การทำสีพื้นด้วยระบบ Vapor Deposition Coating ที่ทำให้สีติดทนนาน1. Green concept ไม่ใช้น๊อต สกรู สปริง ที่บานพับ แต่กระชับเหมือนสปริงด้วยการออกแบบของ ThomasTrauth ที่มีความเป็นTechnical ในตัวเอง จึงออกแบบกรอบให้มีน้ำหนักเบา ด้วยการขึ้นรูปกรอบ และ ขา บนแผ่นเบต้าไททาเนี่ยม ด้วยการปั๊มเพียงครั้งเดียว

What is the difference between titanium and beta titanium?Titanium frames can be finished with beta alloy. This makes the material harder and more flexible. Also, a beta alloy from vanadium and chrome heightens resistance to corrosion. For this reason, frames crafted from beta titanium can resist contact with saltwater. By the way, it can also withstand acids. แข็งกว่า ยืดหยุ่นกว่า ทนกรด ทนด่าง
https://youtu.be/xYJQK2KBT8s
2. ใช้วัสดุ beta-Titanium ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่นสูงกว่า pure titanium จึงเหมาะกับ เลนส์progressive ที่จำเป็นต้องมีการดัดขาแว่น และ แป้นรองจมูกในบางครั้ง ในขณะที่กรอบที่เป็น pure titanium, memory titanium ไม่อาจดัดได้เหมือน Beta-titanium ของ Free form green
Free form green กลายเป็นแว่นที่เบากว่าแว่นทั่วไปมาก คือมีน้ำหนักเฉลี่ยเพียง 12.9 กรัม ในขณะที่แว่นทั่วไปในแบบเดียวกันมีน้ำหนักถึง 26.3 กรัม

3.พ่นสีด้วยวิธี vapour deposition technique ที่ทำให้สีติดทนนาน เป็นระบบการพ่นสีพื้นที่ใช้การปรับแรงดัน และอุณหภูมิ เพื่อให้สีกลายเป็นละออง และจับตัวกับชิ้นงาน ด้วยประจุไฟฟ้าบวก ลบ ในการทำให้สีให้ติดกับกรอบแว่น จึงมั่นใจได้ว่า สีพื้นติดทนทาน

4.Silicone ตรงขาแว่น เป็น Anti Allergic Rubber Coating ที่ไม่ระคายผิวหนัง โดยเฉพาะคนที่แพ้ Silicone


จึงทำให้คนที่เคยใช้แล้ว ต้องตามหากรอบแว่น FreeFromGreen มาใช้อีกครั้งเพราะ ความทนทานของแว่นนั่นเอง

Free form green กรอบที่เป็นมิตรกับเลนส์ progressive สามารถปรับมุมเทหน้าแว่น แป้นรองจมูก ขาแว่นได้ กรอบที่ใช้ตัดเลนส์ โปรเกรสซีฟ ต้องปรับดัดได้
- แบ่งตามกรอบ ได้ 4 กลุ่มใหญ่ คือ full rim, semi rim, rimless และ Acetate
- รูปทรง มี 65 ดีไซน์
- สีกรอบ ประมาณ 3 สีต่อ 1 ดีไซน์ ระบุสีที่ขาแว่น
- ระบุความกว้างรวมของกรอบ
- มีเลขระบุที่ขาแว่น ระบุความกว้างของเลนส์ สะพานจมูก และความยาวขาแว่น พร้อมรหัสสินค้าแต่ละตัว
- แยกsize S, M, L และ XL เพื่อง่ายต่อการเลือก
ด้วยรายละเอียดที่ Thomas Trauth ออกแบบมาตามโครงสร้างของหน้าที่มีความหลากหลาย และออกแบบรูปทรงที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับรูปหน้าที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนบนหน้าผาก ส่วนกลางคิ้วถึงจมูก และ ส่วนล่างจมูกจรดคาง
Free form green ได้จัดเป็น 4 กลุ่มหลักคือ
1. Free form green Full rim กรอบเต็มใช้ได้กับเลนส์ Index 1.5 ขึ้นไป สำหรับตัดแว่น single lens และ progressive lens

2.Free form green Semi Rim กรอบครึ่ง หรือ Nylon Rim เนื่องจากกรอบบางมาก จึงจำเป็นต้องใช้เลนส์สายตาที่มี index 1.6 ขึ้นไป เพื่อเซาะร่องจึงจำเป็นต้องใช้เลนส์เหนียวอย่าง 1.6 ตัดได้ทั้ง single lens และ progressive lens



3.Free form green Rimless กรอบเจาะเบามากๆ ตัดได้ทั้ง single lens และ progressive lens ต้องใช้เลนส์เหนียว index 1.6 ขึ้นไปเพราะการเจาะเลนส์ เพื่อเข้ากรอบ Rimless

4 Free form green กรอบ Acetate โครงสร้างด้านในเป็น beta titanium สำหรับคนที่ชื่นชอบกรอบที่เป็นพลาสติก ใช้ได้กับ index 1.5 ขึ้นไป ใช้ตัด single lens และ progressive lens (สำหรับรุ่นที่ปรับขารองจมูกได้)
กรอบ Acetate เป็นกรอบ titanium ที่หุ้มด้วย Acetate เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาเยอะ กรอบจะช่วยบดบังความหนาของเลนส์

กรอบไททาเนี่ยท free form green ผลงานของ Thomas Trauth ได้รับการยอมรับ ในด้านการออกแบบ ที่สร้างนวัตกรรมที่ยอดเยี่ยมทั้งคุณภาพ และ ดีไซน์ที่เป็นทั้ง emotional และมีความเป็น functional สำหรับมาตรฐานของกรอบแว่น progressive

