มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ

มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟมีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ

หลายคนตัดเลนส์ progressive มาแล้วใช้ไม่ได้ มองไม่ชัด มึนหัว คลื่นไส้ หรือถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่เจอปัญหาเหล่านี้ เช่น มองไกล กับมองคอม ไม่ชัด แต่อ่านหนังสือชัด หรือ มองไกลชัด แต่มองคอม และ อ่านหนังสือไม่ชัด ต้องเงยหน้าอ่านหนังสือ มองคอมได้ไม่เต็มจอ ต้องหมุนหน้าจากซ้ายไปขวา มีภาพบิดเบือนด้านข้าง เวลามองคอม หรืออ่านหนังสือ เรื่องแบบนี้มักเป็นปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟที่หลายคนผิดหวัง  จนไม่คิดจะกลับไปใช้อีกเลย

มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
เลนส์โปรเกรสซีฟ เปรียบเหมือน มีดพับสวิส ที่ทำได้หลายอย่าง แต่ไม่มีอันไหน perfect

เพราะความคาดหวังว่า แว่นโปรเกรสซีฟ ต้องมองเห็นชัดทุกระยะ เต็มเลนส์ ในแต่ละโชน ทั้งๆที่เลนส์โปรเกรสซีฟเป็นเลนส์ที่มีหลายค่าสายตาในเลนส์เดียว เปรียบเหมือนมีดพับสวิส ที่เป็นมีดเอนกประสงค์ มีทั้งมีด ที่ตัดเล็บ กรรไกร เลื่อย หลายอย่างในอันเดียว แต่ก็ไม่มีอันไหนใช้งานได้ดีเท่ากับเครื่องมือมีอเดี่ยวๆ เช่นเดียวกับแว่นโปรเกรสซีฟ ใช้งานได้ทุกระยะ แต่ก็ไม่มีระยะไหน ดีเท่ากับ แว่นที่เป็น Single lens หรือเลนส์มองระยะเดียว ที่เราตัดสำหรับมองไกลอย่างเดียว มองคอมอย่างเดียว อ่านหนังสืออย่างเดียว

มีปถญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
โครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟ จะมีค่าสายตา หลายค่าในเลนส์เดียว จึงมีค่าบิดเบือนด้านข้างเป็นเรื่องปกติของเลนส์โปรเกรสซีฟ
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
คนใช้ต้องเข้าใจก่อนว่า เลนส์โปรเกรสซีฟเป็นเลนส์ที่ใช้มองได้หลายระยะ ในเลนส์เดียว แต่มีข้อจำกัดตรงพื้นที่การมอง ไกล กลาง และ ใกล้

เมื่อเลนส์โปรเกรสซีฟต้องมีค่าสายตาหลายค่าในเลนส์เดียวกัน จึงทำให้เลนส์มีลักษณะที่ต้องได้อย่าง เสียอย่าง

ต่อให้ราคาขนาดไหน ก็จะคงมีพื้นที่บิดเบือนด้านข้างเสมอ  (distortion area) เราจึงจะแยกแยะได้ว่า แว่นโปรเกรสซีฟ ที่ตัดมาเป็นปัญหาของใคร ระหว่าง ความไม่เข้าใจพื้นฐานเลนส์ของผู้ใส่ โครงสร้างเลนส์ของผู้ผลิตเลนส์ กับความผิดพลาดอย่างอื่นที่เกิดจากร้านแว่นในการวัดสายตา และ fitting 

แล้วอะไรบ้างที่เป็นปัญหาทำให้แว่นโปรเกรสซีฟใส่ไม่ได้ หรือใส่แล้วมึนหัว คลื่นไส้ 

1.การเลือกกรอบ ซึ่งคนใส่มักไม่รู้ว่า กรอบแบบไหนเหมาะกับเลนส์ progressive

Oakley ตัดเลนส์ใส่แล้วมึน
เทคโนโลยี ทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ เช่นกรอบแว่นโปรเกรสซีฟ ควรใช้กรอบที่สามารถปรับแป้นจมูกได้ ในอดีตเคยเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป

2.การ fitting กรอบแว่น กับตาดำของผู้ใช้ การใช้เครื่องวัดพารามิเตอร์ จะทำให้เรารู้ว่ากรอบแว่นแบบไหนเหมาะ หรือไม่เหมาะในการตัดเลนส์ฌปรเกรสซีฟ เพราะเครื่องวัดจะบอกทุกอย่างที่สำคัญในการตัดเลนส์ ที่แม่นยำ 99.5%

มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
เครื่องวัดพารามิเตอร์แว่นโปรเกรสซีฟ ป้องกันปัญหาที่เกิดจาก Human error ได้อย่างดีเยี่ยม
Oakley ใส่แล้วมึน
เลนส์โปรเกรสซีฟจะใช้งานได้ ทุกระยะ การวัดค่าพารามิเตอร์ต้องมีความแม่นยำ การใช้ปากกาจุดลงบนเลนส์ในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ มักเกิดความคลาดเคลื่อนเสมอ

3.ระยะ corridor หรือระยะที่ใช้มองคอม มากไป และ น้อยไป เช่น ถ้ามากไป ก็ทำให้ พื้นที่มองใกล้อยู่ต่ำไป แต่ถ้าน้อยไปก็ทำให้การมองคอม ตัองคอยหันหน้าไปทางซ้าย และทางขวา เพื่อให้มองเห็นชัด

มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ระยะ corridor ที่เหมาะสมกับค่าพารมิเตอร์ เช่น ความโค้งกรอบ มุมเทหน้าแว่น ระยะห่างตาดำกับเลนส์ ล้วนมีผลกับการเลือกระยะ corridor
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ระยะ corridor คือระยะห่างระหว่าง zone มองไกล กับ zone มองใกล้ การกำหนดระยะ corridor จึงมีผลต่อการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
เครื่องวัดพารามิเตอร์ AI จำเป็นอย่างยิ่งในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ

4.การวัดค่าสายตามองไกล และค่า add สำหรับมองใกล้ ที่ผิดพลาด คือถ้าแว่นที่ตัดออกมาไม่มีตำแหน่งมองไกล และอ่านหนังสือชัด นั่นเป็นไปได้ว่า วัดค่าสายตาผิด ควรจะวัดใหม่

มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
การตรวจวัดเบื้องต้น ด้วยเครื่อง Autorefractor
มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
การตรวจเช็คค่าสายตาแบบละเอียดด้วยเครื่อง Phoropter ในขั้นตอนที่ 2
มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีห
การใส่เลนส์ทดลอง ในขั้นตอนสุดท้ายของการวัดสายตา เพื่อเป็นการยืนยันค่าสายตาที่วัดจากเครื่อง phoropter

5. เป็นปัญหาของผู้ใส่ ถ้าแว่นมีความชัดในตำแหน่ง มองไกล มองคอม อ่านหนังสือชัด แต่เมื่อมีการเคลื่อนไหว แล้วเกิดอาการไม่ชัด ซึ่งผู้ใส่จำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับแว่นด้วย เช่น การมองพื้น การขึ้นบันได อาจต้องก้มหน้าบ้าง เพื่อมองผ่านพื้นที่มองไกล เพราะหากเราใช้เหลือบตาลง มันจะไปตรงกับตำแหน่งมองกลาง ซึ่งจะทำให้ไม่ชัด ดังนั้นผู้ใส่ตัองฝึกการใช้งาน ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

เรื่องแบบนี้มักเกิดขึ้นกับคนที่ไม่เคยใส่แว่นสายตามาก่อน หรือเคยใส่แค่แว่นอ่านหนังสือที่เป็นเลนส์มองใกล้อย่างเดียว จะปรับตัวได้ยากกว่าคนที่ใส่แว่นสายตามาก่อน

ทั้งหมดนี้คือปัญหาที่มักเกิดกับแว่นโปรเกรสซีฟ ที่ผู้ใช้ควรเข้าใจว่ามันมีข้อจำกัด

ปัญหาเรื่องสายตาตามอายุ ที่เกิดจากเลนส์ตาขาดความยืดหยุ่น ทำให้เราต้องพึ่งพาแว่นตา ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเริ่มต้นจากแว่นอ่านหนังสือ หรือ reading glasses 
มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
เลนส์ตาจะ relax เมื่อเรามองไกล และจะเพ่งจนเลนส์ตานูนขึ้นตามรูปขวา เมื่อเรามองใกล้

มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
เลนส์ตาจะเสื่อมตามอายุ ทำให้กำลังเพ่งลดลง เมื่อเราอายุเกิน 40 ปี จึงต้องใช้เลนส์สายตามาช่วย นี่คือจุดเริ่มต้นของคนที่ใส่แว่นหลังอายุ 40

แต่พอเวลาผ่านไป เริ่มรู้สึกว่า แว่นอ่านหนังสือ เริ่มไม่สะดวก เพราะต้องถอดแว่นเวลาจะมองไกล ในขณะที่บางคนก็เริ่มสายตามัวในขณะที่มองไกล เพราะเลนส์ตาขาดความยืดหยุ่น เริ่มส่งผลต่อการมองทุกระยะ ความจำเป็นของแว่นโปรเกรสซีฟจึงเกิดขึ้นตามมา

เมื่อเราตัดสินใจว่าแว่นโปรเกรสซีฟ จำเป็นตาอชีวิตแล้ว เรื่องต่อจากนี้คือสิ่งที่เราต้องรู้

กรอบแว่นที่จะใส่เลนส์ progressive มีความสำคัญมากๆๆๆ (size and shape are very much matter)

มีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ลักษณะกรอบแว่นที่เหมาะในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ

การเลือกกรอบแว่นสำหรับเลนส์ progressiveแว่น progressive อาจไม่ใช่คำตอบ

1.ความกว้างของกรอบที่เหมาะกับเลนส์ progressive คือใส่แล้วตาดำเราควรอยู่ประมาณกึ่งกลางแว่นตาเรา อย่าได้ใช้แว่นแนวแฟชั่นมาตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ

แว่น progressive อาจไม่ใช่คำตอบ
กรอบแว่นใหญ่เกินไป อาจสร้างปัญหาหลายอย่าง
แว่น progressive อาจไม่ใช่คำตอบ
ขนาดแว่นที่พอดี จะช่วยลดปัญหาการใช้แว่น progressive

2.ความสูงของกรอบ คือระยะห่างระหว่างตาดำ กับจุดcenter ของ reading zone ที่ควรห่างประมาณ 18 มม หรือระยะความสูงของกึ่งกลางตาดำ กับขอบด้านล่างของกรอบ ควรเหลือสัก 18 มม (minimum fitting height)

มีปัญหากับกับแว่นโปรเกรสซีฟ
ความสูงของเลนส์ ตัองไม่น้อยกว่า 30 มม.

3.มุมเทหน้าแว่น ที่ความลาดเอียง 7 องศา +/- 4 องศา โดยประมาณช่วยไม่ให้ต้องเหลือบตาลงต่ำมากจนเกินไปเมื่อต้องการใช้อ่านหนังสือ เมื่อเทียบกับแว่นหน้าตรงตั้งฉาก 90 องศากับพื้นมีปญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ

4.ระยะห่างตาดำกับเลนส์ที่ระยะ 12-14 mm ถ้าใส่ชิดตาเกินไป จะทำให้zone อ่านหนังสือตัองอยู่ใกล้ zone มองไกล ทำให้ zone มองกลางเหลือน้อยลง

5. ความโค้งของกรอบที่ไม่เกิน 5 องศา +/- 2 องศาโดยประมาณ จะช่วยรักษาระยะห่างของตาดำ กับเลนส์แว่นไม่หนีห่างจนเกินไป ทำให้สบายตามากขึ้น

แว่นสายตาทรงสปอร์ต ใส่แล้วมึน
ค่าพารามิเตอร์ของกรอบแว่น
แต่ถ้าตัดออกมาแล้วมีปัญหาการมองในแต่ละโซน เช่น
1. มองไกล กับระยะกลาง ไม่ชัด แต่ระยะใกล้ หรือระยะอ่านหนังสือชัด เกิดจากการ fitting ตำแหน่งตาดำผิด Pupil Height สูงไป
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
มองไกลไม่ชัด แต่ระยะกลาง กับใกล้ชัด
2.มองไกลชัด แต่ระยะกลางกับใกล้ไม่ชัด เกิดจากการ fitting PH ต่ำไป
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
มองไกลชัด มองกลาง กับ ใกล้ไม่ชัด เป็นปัญหาของ PH ที่ต่ำกว่าจริง
3. เกิดจากการ วัดค่า PD ผิด มีผลทำให้การมองระยะกลาง และใกล้ บิดเบือน
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ค่า PD กว้างกว่า ความจริง
มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ค่า PD น้อยกว่าความจริง

ทั้งหมดนี้เกิดจากการ Fitting แว่นกับตาดำที่ผิดพลาด ซึ่งแก้ไขได้ด้วยเครื่องวัดพารามิเตอร์ที่ใช้ ระบบ AI

มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
เครื่องวัดพารามิเตอร์ AI จำเป็นอย่างยิ่งในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ

แล้วการใช้เลนส์โปรเกรสราคาประมาณไหนถึงจะดี? คำตอบก็คือ ถ้ามีงบก็ใช้ตัว Top เลยก็จบ แต่ถ้างบจำกัด เราก็ต้องทำความเข้าใจโครงสร้างราคาเลนส์โปรเกรสซีฟ

ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟ ถูกแพง ขึ้นกับปัจจัยอะไรบ้าง?

ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟในปัจจุบัน จะวิ่งตามราคา software ที่มีความละเอียดที่แตกต่างกัน ในเลนส์แต่ละระดับราคา

ค่าพารามิเตอร์ที่ใช้ในการคำนวณเลนส์ เลนส์ที่ใช้ค่าพารามิเตอร์ แบบเฉพาะบุคคล ทุกข้อมูลในการฝนเลนส์ออกมา ก็จะมีราคาที่สูงกว่า เลนส์ที่ใช้ค่าพารามิเตอร์บางส่วนในการฝนเลนส์ออกมา โดยค่าบางค่าใช้ค่ากลาง หรือ ค่า Default ในการคำนวณ 

แล้วเราควรเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟแบบไหนถึงจะเหมาะกับเรา?

1. ถ้าเรามีค่า Add เยอะ พื้นที่อ่านหนังสือ กับ กับพื้นที่ระยะคอม จะแคบ เป็นสัดส่วนที่ผกผันกับค่า Add  เช่น Add 2.50 diopter เราต้องเข้าใจว่า เลนส์จะมีพื้นที่เบลอด้านข้างมากกว่า คนที่มีค่า Add 1.50 diopter ในเลนส์รุ่นเดียวกัน เราควรเลือกเลนส์ที่ใช้ค่าพารามิเตอร์ 100% ในการฝนเลนส์ จะช่วยให้พื้นที่การมองระยะคอม กับ อ่านหนังสือเพิ่มขึ้น

ใส่แว่นโปรเกรสซีฟแล้วมึน
ค่า Add ที่สูงจำเป็นต้องใช้เลนส์ที่มีเทคโนโลยีมากขึ้น ในการลดพื้นที่เบลอด้านข้าง

2.กรอบแว่นสปอร์ต จะมีความโค้งมากกว่าปกติ คือองศาโค้ง มากกว่า 7 องศาขึ้นไป จำเป็นต้องใช้ค่าพารามิเตอร์ 100% ในการฝนเลนส์

เลนส์สายตา free form
กรอบแว่นสปอร์ตส่วนใหญ่ความโค้ง จะอยู่ที่ 30 องศาขึ้นไป การใช้กรอบที่มีความโค้งมาก จำเป็นต้องใช่เลนส์ที่ใช้ค่าพารามิเตอร์ ส่วนบุคคล 100% จึงจะไม่มีปัญหาการมอง

3.ความต้องการใช้งาน ถ้าต้องการใช้งานแบบทุกระยะมีพื้นที่ในการมองกว้างขึ้น ต้องใช้เลนส์ที่ใช้ค่าพารามิเตอร์ 100%

มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ราคาเลนส์ก็ขึ้นกับดีไซน์ความต้องการการใช้งาน เช่นต้องการใช้งานทุกระยะพอพอกัน

4. ใช้งานทั่วไป ค่า add ไม่สูงมากคือไม่เกิน 150 ใช้เลนส์ที่ใช้ค่าพารามิเตอร์ของบุคคลบางส่วน และค่ากลางบางส่วนได้ ซึ่งราคาเลนส์ก็จะถูกลง เพราะจะเป็น software ที่ใช่ค่ากลาง (ค่า Default) ร่วมด้วย

มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ
ค่า add 1.25 สามารถใช้เลนส์ที่ใช้ค่ากลางบางส่วนในการฝนเลนส์ได้

สอบถามเพิ่มเติม Click Here

Free Form Green กรอบแว่นไททาเนี่ยม Minimal Concept บานพับไม่ใช้น๊อตสกรู ทำจากวัสดุ Beta-Titanium มีคุณสมบัติ เบากว่าวัสดุอื่นเท่าตัว ยืดหยุ่นกว่า pure titanium ทนการกัดกร่อนจากกรด และ ด่าง เคลือบสีด้วยระบบปะจุไฟฟ้า Vapour Deposition technique


1 - 60 of 83 items

กรอบแว่นไททาเนี่ยม Free Form Green ดียังไง

กรอบไททาเนี่ยม free form green

กรอบแว่นไททาเนี่ยม​ Free​ ​form ​green​ ดียังไง​ เป็นเรื่องราวที่ผู้ใช้บอกต่อๆกันมา​ เกี่ยวกับ​ความทนทาน​ที่ใช้มานานเป็น​ 10 ปี เผลอหลับคาแว่น ขาไม่หัก ดัดได้ ทนเหงื่อไม่ขึ้นสนิม น้ำหนักเบา ออกแบบโดย ดีไซเนอร์ ชาวเยอรมัน

แว่นไททาเนี่ยม free form green
ขาแว่นเป็นเบต้าไททาเนี่ยม ยืดหยุ่น ทนการกดทับได้ดีกว่าวัสดุชนิดอื่น

Free form green by Thomas Trauth เป็นกรอบแว่นที่เป็น green concept ลดการสร้าง carbon dioxide ที่ทำให้โลกร้อน และ ทำให้สมดุลของโลกนั่นเปลี่ยนแปลง ถ้าใครเคยดูสารคดี เรื่องโลกร้อน จะทราบว่า มันมีผลกับทุกชีวิตบนโลก

กรอบ free form green ดียังไง
กรอบ free form green เป็นกรอบที่ทำจาก beta titanium เบา ดัดได้ มีรูปทรง ที่เหมาะการประกอบเลนส์ progressive
free form green by Thomas Trauth
FREE FORM GREEN EYEWEAR- Designer Eyewear from Germany

​ด้วยตัว เบต้า ไททาเนียม ที่พัฒนามาจากปัญหาของกรอบ pure titanium ที่แข็งดัดยาก เปราะหักได้

Free form green ดียังไง
คู่ควรกับคนที่หลับคาแว่น

เรื่องราวจากผู้ใช้ ที่เผลอหลับทับแว่น

แว่นไททาเนี่ยม free form green
ทนการกัดกร่อนจากเหงื่อ และน้ำเค็ม ได้มากกว่า

คนที่เคยใช้กรอบไททาเนี่ยมราคาหลักหมื่น​อย่าง กรอบ IC Berlin​, Silhouette และ Lindberg  มาก่อน จะบอกได้ว่ากรอบ Free form green นั้นคุ้มค่ากว่า เมื่อเทียบกับเงินที่จ่ายออกไป

แว่น​ free form green ดี​ยังไง​
Minimal concept ไม่ใช้​ น๊อต สกรู​ และสปริง​ ที่บานพับ
free form green
สภาพการใช้งานที่ผ่านมาเกือบ 10 ปี ของ free form green รุ่น FFA910 สี copper

การใช้วัสดุ เบต้าไททาเนี่ยม silicone สลักที่เป็นบานพับของขาแว่น การทำสีพื้นด้วยระบบ Vapor Deposition Coating  ที่ทำให้สีติดทนนานfree form green1. Green concept ไม่ใช้น๊อต​ สกรู​ สปริง​ ที่บานพับ แต่กระชับเหมือนสปริง​ด้วยการออกแบบของ ThomasTrauth ที่มีความเป็นTechnical ในตัวเอง จึงออกแบบกรอบให้มีน้ำหนักเบา ด้วยการขึ้นรูปกรอบ และ ขา บนแผ่นเบต้าไททาเนี่ยม ด้วยการปั๊มเพียงครั้งเดียวfree form greenfree form green

Free form green
การออกแบบที่มี ชิ้นงานเพียง 3 ส่วน คือ กรอบ ขา และบานพับ

free form greenWhat is the difference between titanium and beta titanium?Titanium frames can be finished with beta alloy. This makes the material harder and more flexible. Also, a beta alloy from vanadium and chrome heightens resistance to corrosion. For this reason, frames crafted from beta titanium can resist contact with saltwater. By the way, it can also withstand acids.  แข็งกว่า  ยืดหยุ่นกว่า  ทนกรด  ทนด่างfree form green ดียังไงfree form green ดียังไงhttps://youtu.be/xYJQK2KBT8sแว่น​ free form green ดี​ยังไง​แว่น​ free form green ดี​ยังไง​2. ใช้วัสดุ​ beta-Titanium​ ที่มีคุณสมบัติยืดหยุ่น​สูงกว่า pure titanium จึงเหมาะกับ เลนส์progressive ที่จำเป็นต้องมีการดัดขาแว่น และ แป้นรองจมูกในบางครั้ง ในขณะที่กรอบที่เป็น pure titanium, memory titanium ไม่อาจดัดได้เหมือน Beta-titanium ของ Free form greenกรอบไททาเนี่ยม free form greenFree form green​ กลายเป็นแว่นที่เบากว่าแว่นทั่วไปมาก คือมีน้ำหนักเฉลี่ยเพียง​​ 12.9 กรัม​ ในขณะที่​แว่นทั่วไปในแบบเดียวกันมีน้ำหนักถึง​ 26.3 กรัม​ 

แว่น​ free form​ green ดียังไง
และนี่คือเหตุผล​หนึงที่หลายคนยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อน้ำหนักที่เบาลง เหมือนหลายคนที่ยอมจ่ายเงินค่าเลนส์ที่บางลง เพื่อลดน้ำหนักแว่นทั้งอัน

3.พ่นสีด้วยวิธี​ vapour deposition technique ที่ทำให้สีติดทนนาน  เป็นระบบการพ่นสีพื้นที่ใช้การปรับแรงดัน​ และอุณหภูมิ​ เพื่อให้สีกลายเป็นละออง​ และจับตัวกับชิ้นงาน​ ด้วยประจุไฟฟ้าบวก ลบ ในการทำให้สีให้ติดกับกรอบแว่น จึงมั่นใจได้ว่า สีพื้นติดทนทานfree form green ดียังไงfree form green ดียังไงfree form green ดียังไง

Vapour Deposition color

4.Silicone ตรงขาแว่น​ เป็น Anti Allergic Rubber Coating​ ที่ไม่ระคายผิวหนัง​ โดยเฉพาะคนที่แพ้ Silicone

แว่น freeformgreen
silicone ขาแว่น
free form green
แว่นที่ผู้ใช้มานานกว่า10 ปีแล้ว กรอบแว่นยังคงสีเดิม​ ไม่ลอก​ siliconeที่ขาแว่นยังอยู่​ในสภาพเดิมอยู่​ เหลือยางรองจมูกที่เปลี่ยนสภาพ​ ซึ่งสามารถเปลี่ยนใหม่ได้​ และนี่คือเหตุผล​ที่ผู้ใช้กลับมาซื้อซ้ำ

กรอบแว่นไทเทเนี่ยม

จึงทำให้คนที่เคยใช้แล้ว​ ต้องตามหากรอบแว่น​ Free​From​Green มาใช้อีกครั้งเพราะ ความทนทานของแว่นนั่นเอง

กรอบ free form green ดียังไง
กรอบโปรเกรสซีฟ จำเป็นต้องมีมุมเทหน้าแว่น และความสูง ที่เหมาะสม

Free form green กรอบที่เป็นมิตรกับเลนส์ progressive เพราะดัด ปรับได้ ต่างจากรอบที่เป็น pure titanium, memory titanium ที่ดัดไม่ได้

  • แบ่งตามกรอบ ได้ 4 กลุ่มใหญ่ คือ full rim, semi rim, rimless และ Acetate
  • รูปทรง มี 65 ดีไซน์​ 
  • สีกรอบ ประมาณ 3 สีต่อ 1 ดีไซน์ ระบุสีที่ขาแว่น
  • ระบุความกว้างรวมของกรอบ 
  • มีเลขระบุที่ขาแว่น ระบุความกว้างของเลนส์ สะพานจมูก และความยาวขาแว่น พร้อมรหัสสินค้าแต่ละตัว
  • แยกsize S, M, L และ XL เพื่อง่ายต่อการเลือกกรอบแว่นไททาเนี่ยม free form green ดียังไงกรอบแว่นไททาเนี่ยม free form green ดียังไง

ด้วยรายละเอียดที่ Thomas Trauth ออกแบบมาตามโครงสร้างของหน้าที่มีความหลากหลาย และออกแบบรูปทรงที่ช่วยสร้างสมดุลให้กับรูปหน้าที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือส่วนบนหน้าผาก ส่วนกลางคิ้วถึงจมูก และ ส่วนล่างจมูกจรดคาง 

Free form green ได้จัดเป็น 4 กลุ่มหลักคือ

1. Free form green Full rim กรอบเต็มใช้ได้กับเลนส์ Index 1.5 ขึ้นไป สำหรับตัดแว่น single lens และ progressive lensfree form green ดียังไง

กรอบไททาเนี่ยม
กรอบเต็ม หรือ full rim

2.Free form green Semi Rim กรอบครึ่ง​  หรือ Nylon Rim เนื่องจากกรอบบางมาก จึงจำเป็นต้องใช้เลนส์สายตาที่มี index 1.6 ขึ้นไป เพื่อเซาะร่องจึงจำเป็นต้องใช้เลนส์เหนียวอย่าง 1.6 ตัดได้ทั้ง single lens และ progressive lens

free form green
กรอบ semi rim หรือ กรอบ Nylon
free form green
การทำร่องที่เลนส์ ต้องใช้เลนส์ที่เหนียวกว่าปกติ ซึ่งก็คือเลนส์ ที่มี index 1.6 ขึ้นไป

Freeformgreen

Free form green
กรอบครึ่ง หรือ semi rim

3.Free form green Rimless กรอบเจาะ​เบามากๆ ตัดได้ทั้ง single lens และ progressive lens ต้องใช้เลนส์เหนียว  index  1.6  ขึ้นไปเพราะการเจาะเลนส์  เพื่อเข้ากรอบ Rimless Free form green

แว่นใส่วิ่งใส่ทำงาน ทำไมต้องแยกกัน
กรอบเจาะ หรือ rimless

4 Free form green กรอบ Acetate โครงสร้างด้านในเป็น beta titanium สำหรับคนที่ชื่นชอบกรอบที่เป็นพลาสติก ใช้ได้กับ index 1.5 ขึ้นไป ใช้ตัด single lens และ progressive lens (สำหรับรุ่นที่ปรับขารองจมูกได้)

Freeformgreen

กรอบ Acetate เป็นกรอบ titanium ที่หุ้มด้วย Acetate เหมาะกับคนที่มีค่าสายตาเยอะ กรอบจะช่วยบดบังความหนาของเลนส์

กรอบไททาเนี่ยม Free form green ดียังไง
เลนส์ progressive จำเป็นต้องใช้กรอบแว่นที่แป้นรองจมูกดัดได้

กรอบไททาเนี่ยท​ free form green ผลงานของ Thomas Trauth ได้รับการยอมรับ ในด้านการออกแบบ ที่สร้างนวัตกรรม​ที่ยอดเยี่ยมทั้งคุณภาพ และ ดีไซน์ที่เป็นทั้ง emotional และมีความเป็น functional สำหรับมาตรฐานของกรอบแว่น progressive  

ไว้จะมาอุดหนุนเรื่อยๆครับ ผมใช้กรอบของ Free Form ยี่ห้อเดียวเลยครับ เคยใช้ IC Berlin ยังสู้ยี่ห้อนี้ไม่ได้
แว่น​ free form green ดียังไง
User
ใช้ thomas trauth อยู่ค่ะ .. ชอบมาก .. มาดูแล้วเห็นมีหลายแบบ เลยอยากลองเข้ามาดูค่ะ รอร้านเปิดนะคะ
แว่น​ free form green ดี​ยังไง​
user
Genuine
5/5