มีปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟ หลายคนตัดเลนส์ progressive มาแล้วใช้ไม่ได้ มองไม่ชัด มึนหัว คลื่นไส้
หรือถ้าเราเป็นหนึ่งในคนที่เจอปัญหาเหล่านี้ เช่น มองไกล กับมองคอม ไม่ชัด แต่อ่านหนังสือชัด ต้องเงยหน้าอ่านหนังสือ มองคอมได้ไม่เต็มจอ ต้องหมุนหน้าจากซ้ายไปขวา มีภาพบิดเบือนด้านข้าง เวลามองคอม หรืออ่านหนังสือ
เรื่องแบบนี้มักเป็นปัญหากับแว่นโปรเกรสซีฟที่หลายคนผิดหวัง จนไม่คิดจะกลับไปใช้อีกเลย


เลนส์โปรเกรสซีฟ เปรียบเหมือนมีดพับสวิส ที่เป็นมีดเอนกประสงค์ มีทั้งมีด ที่ตัดเล็บ กรรไกร หลายอย่างในอันเดียว แต่ก็ไม่มีอันไหนใช้งานได้ดีเท่ากับเครื่องมือเดี่ยวๆ 

เช่นเดียวกับแว่นโปรเกรสซีฟ ใช้งานได้ทุกระยะ แต่ก็ไม่มีระยะไหน ใช้งานดีเท่ากับ แว่นที่เป็น Single lens เดี่ยวๆ เหมือนแว่นมองไกลอย่างเดียว หรือแว่นอ่านหนังสืออย่างเดียว


เลนส์โปรเกรสซีฟ มีลักษณะที่ต้องได้อย่าง เสียอย่าง เสมอ เช่น ต้องการพื้นที่อ่านหนังสือกว้างๆ ก็จะทำให้พื้นที่มองคอมแคบลง

แล้วอะไรบ้างที่เป็นปัญหาทำให้คนตัดแว่นโปรเกรสซีฟ แล้วผิดหวังอย่างแรง
1.การเลือกกรอบที่เหมาะกับเลนส์โปรเกรสซีฟ ผู้ใส่มักไม่รู้ว่า กรอบแบบไหนเหมาะกับเลนส์ progressive

2.การวัดค่าพารามิเตอร์ ขณะใส่แว่น หรือ position of wear




3.ระยะ corridor หรือระยะที่ใช้มองคอม มีความสัมพันธ์กับ position of wear และ จุดประสงค์หลักในการใช้งาน



4.การวัดค่าสายตามองไกล และค่า add สำหรับมองใกล้ ที่ผิดพลาด
ค่าสายตาที่เราวัดได้ ในแต่ละร้านมักจะไม่เท่ากัน ขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง ควรเน้นค่าสายตาที่ไม่แรงเกินไป จนต้องเพ่งตา หรือเกร็งตาซึ่งเราจะรู้ตอนใส่เลนส์ทดลอง



5. ผู้ใส่ ที่ไม่เคยใส่แว่นตาติดหน้ามาก่อน ต้องใช้เวลาฝึกการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟนานกว่า คนที่ใส่แว่นตั้งแต่เด็ก
แว่นโปรเกรสซีฟ เป็นแว่นที่ต้องฝึกใส่ติดหน้าตลอดจึงจะปรับตัวได้เร็วขึ้น คนใส่ต้องเข้าใจโครงสร้างเลนส์ เช่น การมองคอมควรมองแบบเหลือบตาลง ไม่ใช่ก้มหน้ามองคอม เป็นต้น
ทำไมคนต้องการเลนส์โปรเกรสซีฟ เมื่ออายุมากขึ้น
ปัญหาเรื่องสายตาตามอายุ ที่เกิดจากเลนส์ตาขาดความยืดหยุ่น เมื่ออายุมากขึ้น


เมื่อถึงเวลาต้องใช้ มันก็ต้องมี ดังนั้นเราจึงควรมีความรู้บ้าง ก่อนไปตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ ในฐานะผู้บริโภค สิ่งที่ควรรู้คือ
กรอบแว่นที่จะใส่เลนส์ progressive มีความสำคัญมากๆๆๆ (size and shape are very much matter)

การเลือกกรอบแว่นสำหรับเลนส์ progressive







1.ความกว้างของกรอบที่เหมาะกับเลนส์ progressive คือใส่แล้วตาดำเราควรอยู่ประมาณกึ่งกลางแว่นตาเรา


2.ความสูงของกรอบ คือระยะห่างระหว่างตาดำ กับจุดcenter ของ reading zone ที่ควรห่างประมาณ 18 มม หรือระยะความสูงของกึ่งกลางตาดำ กับขอบด้านล่างของกรอบ ควรเหลือสัก 18 มม (minimum fitting height)


3.มุมเทหน้าแว่น ที่ความลาดเอียง 7 องศา +/- 4 องศา โดยประมาณช่วยไม่ให้ต้องเหลือบตาลงต่ำมากจนเกินไปเมื่อต้องการใช้อ่านหนังสือ เมื่อเทียบกับแว่นหน้าตรงตั้งฉาก 90 องศากับพื้น
4.ระยะห่างตาดำกับเลนส์ที่ระยะ 12-14 mm ถ้าใส่ชิดตาเกินไป จะทำให้zone อ่านหนังสือไม่ชัด เพราะเราจะเหลือบตาลงไม่ถึงตำแหน่งอ่านหนังสือ กรอบจึงควรปรับแป้นรองจมูกได้
5. ความโค้งของกรอบที่ไม่เกิน 5 องศา +/- 2 องศาโดยประมาณ จะช่วยรักษาระยะห่างของตาดำ กับเลนส์แว่นตามมาตรฐาน ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น
การเลือกกรอบที่ได้มาตรฐาน สามารถดัดได้ทุกชิ้นส่วน

ควรหลีกเลี่ยงกรอบแว่นแฟชั่นที่ใหญ่เกิน ในการตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ


เมื่อเข้าใจเรื่องกรอบที่เหมาะสมแล้ว ควรเข้าปัญหาที่มักเกิดจากการ fitting แว่น หรือการวัดพารามิเตอร์ขณะใส่แว่น ถ้าวัดผิดจะมีผลกระทบมากจนใส่ไม่ได้
1. มองไกล กับมองคอม ไม่ชัด แต่อ่านหนังสือชัด
เกิดจากการ fitting ตำแหน่งตาดำผิด Pupil Height สูงไป

2.มองไกลชัด แต่มองคอมกับอ่านหนังสือไม่ชัด
เกิดจากการ fitting PH ต่ำไป

3. เกิดจากการ วัดค่า PD ผิด มีผลทำให้การมองระยะกลาง และใกล้ บิดเบือน


ทั้งหมดนี้เกิดจากการ วัดค่าพารามิเตอร์ ขณะใส่แว่นที่ผิดพลาดทั้งสิ้น

แล้วการใช้เลนส์โปรเกรสซีฟราคาประมาณไหนถึงจะดี? คำตอบก็คือ ถ้าเราเลือกกรอบที่อยู่ในค่ามาตรฐาน เลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นเริ่มต้น ไปถึงรุ่นกลาง ก็สามารถใช้ได้แล้ว

ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟในปัจจุบัน ราคาเลนส์จะวิ่งตาม software ความเป็นบุคคลที่แตกต่างจากค่ามาตรฐาน หรือค่า default

ส่วน Index ของเลนส์ เช่น 1.5, 1.6, 1.67 และ 1.74 และ Coating ต่างๆ เป็นปัจจัยถัดมา

นอกจากกรอบแว่นแล้ว ปัจจัยที่จำเป็นต่อราคาเลนส์โปรเกรสซีฟ คือ
1. ค่า Add เป็นสัดส่วนที่ผกผัน กับ พื้นที่มองคอม และ อ่านหนังสือ เช่น ค่าAdd 2.50 diopter เราต้องเข้าใจว่า เลนส์จะมีพื้นที่เบลอด้านข้างมากกว่า คนที่มีค่า Add 1.50 diopter ในเลนส์รุ่นเดียวกัน

ดังนั้นถ้าเรามีค่า Add มากกว่า 1.50 เราควรเลือกเลนส์ที่อยู่ในกลุ่ม Better หรือราคาระดับ กลางๆ ขึ้นไป

2.กรอบแว่นสปอร์ต จะมีความโค้งมากกว่าปกติ คือองศาโค้ง มากกว่า 7 องศา โดยปกติความโค้งอยู่ที่ 25-35 องศา จึงจำเป็นต้องใช้เลนส์เฉพาะทางที่รองรับความโค้ง ที่เกินค่ามาตรฐาน

3.ความต้องการใช้งาน ถ้าต้องการใช้งานเฉพาะทาง ที่ต้องการพื้นที่มองคอม หรือ พื้นที่อ่านหนังสือ เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องใช้เลนส์ที่มีราคาสูงขึ้น


ราคาเลนส์โปรเกรสซีฟ จะถูกจะแพง ขึ้นกับ การฝืนธรรมชาติของเลนส์ ที่ได้อย่าง จะเสียอย่าง ถ้าเราต้องการทุกอย่าง เช่นมองได้กว้างขึ้นทุกระยะ นี่คือการฝืนธรรมชาติ ที่เราต้องจ่ายเพิ่มขึ้น เพราะ Software ที่ใช้ฝืนธรรมชาติ มีราคาที่ต้องแลกมา
ดังนั้นคนที่ใส่เลนส์โปรเกรสซีฟไม่ได้ ลองย้อนกลับไปดูว่า เค้าวัดค่าพารามิเตอร์ขณะที่เราใส่แว่น ยังไง?

สอบถามเพิ่มเติม Click Here
Progear แว่นสายตาสำหรับกีฬา ถ้ารองเท้ากีฬายังแบ่งตามประเภทกีฬา แว่นสายตายิ่งต้องแบ่งมากกว่า
Featured Products











